วรรณกรรมมีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นฐานทางวิชาการและส่งเสริมการเรียนรู้ในนักเรียนทุกคน การอ่านหนังสือมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาและการเข้าใจโลกในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น ในบทความนี้ เราจะพูดถึง 10 เรื่องวรรณกรรมที่นักเรียนควรอ่านก่อนจบการศึกษา เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และเปิดโอกาสให้ได้รับประสบการณ์ที่ครอบคลุมทางวรรณกรรม
Table of Contents
หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ ของ George Orwell
ความยาว: โดยประมาณ 300 หน้า
“Nineteen Eighty-Four” เป็นหนึ่งในเรื่องวรรณกรรมที่มีอิทธิพลทางวรรณกรรมมากที่สุดในโลก ซึ่งเล่าเรื่องราวในโลกที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลที่เผด็จการอย่างเผด็จการ ผ่านการพูดถึงการเมืองและสังคมในอนาคตที่มืดมนและเศร้าสลด นักเรียนที่อ่านเรื่องนี้จะได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของเสรีภาพและการต่อต้านอำนาจที่เผด็จการ
“หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่” เป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลอย่างมากของนักเขียนชาวอังกฤษชื่อดัง จอร์จ ออเวลล์ (George Orwell) ผลงานนี้เป็นผลงานที่มีความรุนแรงและดังเนื่องจากเป็นเรื่องราวที่สะท้อนสภาพการณ์ในสังคมที่เขาสังเกตเห็นและตัดสินใจจากประสบการณ์ของเขาเอง
หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวในโลกที่มีการควบคุมเข้มงวดโดยรัฐบาลที่เผด็จการ ผ่านการเสนอเรื่องราวของการต่อสู้และการต่อต้านอำนาจ มันย้ำความสำคัญของเสรีภาพและการต่อต้านการควบคุมอำนาจที่เผด็จการก่อให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ “หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่” ยังเป็นงานวรรณกรรมที่นำเสนอแนวคิดและแนวความคิดที่เข้าใจยากและนำมาตกแต่งในรูปแบบของนวนิยายที่น่าสนใจ และเป็นแรงจูงใจให้ผู้อ่านตระหนักถึงความสำคัญของการต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพในสังคม
ผลงานนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสมบัติวรรณกรรมที่ห้ามพลาดในการอ่านของนักเรียนและผู้ที่สนใจในการเข้าใจเรื่องราวที่สะท้อนสภาพการณ์ในสังคมและการประท้วงอำนาจในระดับที่ลึกซึ้ง
ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด ของ Harper Lee
ความยาว: โดยประมาณ 281 หน้า
“To Kill a Mockingbird” เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงการข่มขืนและการเหยียดชาติพันธุ์ในอเมริกาในยุคที่เข้าสู่การแข่งขันกันในศาสนาและสีผิว นักเรียนที่อ่านเรื่องนี้จะได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับความยากลำบากที่ผู้คนต้องเผชิญหน้าในสังคมที่รุนแรงและเหลี่ยมโหด
“ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด” เป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมคลาสสิกที่ไม่ควรพลาดในวงการวรรณกรรมโลก และเป็นงานเรียงเรื่องที่ได้รับความนิยมและความยอดเยี่ยมจากผู้อ่านทั่วโลก ผลงานนี้เขียนโดย Harper Lee นักเขียนชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงอันแรงและเป็นที่รู้จักด้วยผลงานคลาสสิกที่มีกระแสเช่น “ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด”
หนังสือเล่มนี้เป็นการสร้างสรรค์เรื่องราวที่ตระหนักถึงปัญหาสังคมในยุคที่ยังแสดงออกถึงการแย่งแย้งกับความเป็นส่วนตัวและความไม่เป็นธรรมในสังคม โดยเน้นไปที่เรื่องราวของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในเมืองที่ถูกทำให้เผชิญกับความไม่เป็นธรรมและความเหยียดชาติพันธุ์
ผ่านการบอกเล่าของเด็กหนุ่มชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า แอทติกัส ฟินช์ (Atticus Finch) ผู้อ่านจะได้พบกับเหตุการณ์และการเส้นทางชีวิตที่ยากลำบากของครอบครัว และความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในสังคมที่หลงเหลืออยู่ในโองการของการเปลี่ยนแปลงและการดำเนินงานที่ยากลำบาก
“ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด” เป็นผลงานวรรณกรรมที่เสนอเรื่องราวที่หลากหลายและสะท้อนถึงความซับซ้อนในสังคม และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านที่ต้องการทราบถึงปัญหาและความไม่เป็นธรรมในโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและการแย่งสิทธิ์
แอนิมัลฟาร์ม ของ George Orwell
ความยาว: โดยประมาณ 112 หน้า
“Animal Farm” เป็นสร้างภาพการเมืองโซเวียตผ่านการใช้สัตว์ในฟาร์ม ซึ่งเล่าถึงการปกครองที่ผิดปกติและการขัดแย้งในสังคม การอ่านเรื่องนี้จะเสนอให้นักเรียนมองภาพการเมืองและสังคมในมุมมองที่แตกต่าง
“แอนิมัลฟาร์ม” เป็นผลงานวรรณกรรมที่เขียนโดย จอร์จ ออเวลล์ (George Orwell) ซึ่งเป็นนวนิยายที่มีความหมายและสื่อความรู้สึกอย่างลึกซึ้งถึงการปกครองและความเสื่อมถอยของสังคม ผลงานนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรปในช่วงคริสต์มาส ปี 1943 และสภาพสังคมที่มีการควบคุมอำนาจโดยแกนนำอย่างทรัมป์และสตาลิน ที่นำไปสู่การสร้างเรื่องราวแนวดิสโทเปียที่มืดมนและเชิงจริง
ในนวนิยายนี้ ตัวละครที่เป็นสัตว์ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของมนุษย์และสังคม ที่แสดงให้เห็นถึงความแย่งแย้งและการเลื่อนลอยของอำนาจในสังคมมนุษย์ ซึ่งผ่านการอธิบายเรื่องราวของสัตว์ที่อยู่ในฟาร์มแอนิมัล ที่ต่อสู้กันเพื่อความเสรีภาพและการเปลี่ยนแปลงในสังคม
ผ่านการใช้สัตว์เป็นตัวละคร ออเวลล์ได้สร้างภาพที่เข้าใจได้ง่ายและต่อไปก็สะท้อนถึงความเป็นจริงของสังคมมนุษย์อย่างคมชัด และสร้างความเข้าใจในการเสี่ยงสู่การควบคุมและการหลอกลวงที่มาพร้อมกับอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ท้าทายและมีความคิดพิเศษที่สร้างความสนใจและความเข้าใจในเรื่องที่สำคัญของสังคมและอำนาจในการควบคุม
Lord of the Flies ของ William Golding
ความยาว: โดยประมาณ 224 หน้า
“Lord of the Flies” เป็นการเล่าเรื่องราวของเด็กๆที่ตกอยู่ในเกาะและเผชิญกับความเดือดร้อนและความหลงใหลในอำนาจ นักเรียนที่อ่านเรื่องนี้จะได้เรียนรู้ถึงทฤษฎีการปกครองและธรรมชาติของมนุษย์ในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมขาดแคลน
“ลอร์ดออฟเดอะฟลายส์” เป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญอย่างมากในวงการวรรณกรรมโลก ผลงานนี้เขียนโดยวิลเลียม โกลดิง (William Golding) ซึ่งเป็นนวนิยายที่นำเสนอเรื่องราวที่ดีงามและสะท้อนถึงธรรมชาติแห่งมนุษย์และความเหลื่อมล้ำของมนุษย์
นวนิยายนี้เล่าเรื่องราวของกลุ่มเด็กหนุ่มที่ถูกลงเกาะเมื่อเรือที่พวกเขานั่งเดินทางตกลงในเกาะที่ร้างเปล่า แต่เมื่อพวกเขาพบว่าไม่มีผู้ใหญ่เหนือพวกเขา พวกเขาจึงเริ่มแบ่งกลุ่มและสร้างสังคมของตนเองขึ้นมา แต่เมื่อการควบคุมและความเหลื่อมล้ำเริ่มขึ้น สิ่งที่เริ่มต้นด้วยความสนุกสนานกลับกลายเป็นภาพหลอนและความทรงจำที่น่าสยดสยอง
ผ่านการสร้างตัวละครของเด็กหนุ่มในสถานการณ์ที่โดนเลือนและความล้มเหลว นวนิยายนี้สร้างความเข้าใจให้กับผู้อ่านเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ และการสะท้อนถึงความเป็นจริงของสังคม ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ท้าทายและให้ความคิดถึงความซับซ้อนในสังคมและมนุษย์เอง
เพื่อนยาก OF MICE AND MEN ของ John Steinbeck
ความยาว: โดยประมาณ 107 หน้า
“Of Mice and Men” เป็นนวนิยายที่เล่าถึงเรื่องราวของชีวิตและความฝันของมนุษย์ในยุคสมัยที่ลำบาก ซึ่งเสนอให้นักเรียนมองเห็นความเป็นมนุษย์และความเชื่อมโยงท
“เพื่อนยาก (Of Mice and Men)” เป็นนวนิยายที่เขียนโดยจอห์น สไตน์เบ็ก (John Steinbeck) ซึ่งเป็นผลงานวรรณกรรมที่เน้นที่เรื่องราวของความเหงาและความเป็นไร้เสียงสูงของคนที่ถูกละเว้นจากสังคม นวนิยายนี้เป็นผลงานที่เป็นที่รู้จักด้วยการสร้างตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์อย่างสูงและมีความเหมือนมากับชีวิตจริงของคนในสังคม
เรื่องราวของ “เพื่อนยาก” เล่าถึงเรื่องราวของจอร์จ และเลนนี่ คู่หูชาวแม่น้ำที่มาจากเมืองเล็กๆ แต่มีความใฝ่ฝันในการเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น ความใฝ่ฝันของพวกเขาถูกวางไว้ในฟาร์มที่ว่างเปล่าที่สำคัญมาก แต่การต่อสู้ของพวกเขากับความยากลำบากและการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเสมอมา
ผ่านการสร้างภาพที่สมจริงและมีชีวิตชีวาของตัวละคร นวนิยาย “เพื่อนยาก” สร้างความสนใจและความสับสนในสังคมและสภาพแวดล้อมที่ต่างกันของชาวนอกและชาวเมือง ซึ่งเป็นผลงานวรรณกรรมที่สร้างความประหลาดใจและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านในการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และความหมายของชีวิต
The Harry Potter series ของ J.K. Rowling
ความยาว: ขึ้นอยู่กับแต่ละเล่ม
ซีรีส์หนังสือเรื่อง “Harry Potter” เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และสร้างความสนใจในวงการวรรณกรรมสมัยใหม่ ซึ่งเล่าเรื่องราวของนักเรียนผู้มีพลังเวทมนตร์ที่ต่อสู้กับความมืดและความชั่วร้าย นักเรียนที่อ่านเรื่องนี้จะได้พบกับเรื่องราวที่สนุกสนานและการเรียนรู้เกี่ยวกับค่านิยมและความสำคัญของมิตรภาพ
ซีรีย์หนังสือเรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ของ J.K. โรว์ลิง (J.K. Rowling) เป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมและร่วมสนุกมากที่สุดในโลก นี่คือเรื่องราวของเด็กชายที่มีพลังเวทมนตร์ที่น่าสนใจมากที่สุดในโลก และการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นในโรงเรียนเวทมนตร์แห่งฮอกวอตส์
“แฮร์รี่ พอตเตอร์” มีความเป็นเรื่องราวที่หลากหลายและน่าตื่นเต้น ที่สร้างสรรค์โลกของเวทมนตร์และต่อสู้ของความดีกับความชั่ว และการเสี่ยงโชคของการเป็นนักวิเคราะห์ ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์อย่างมหาศาล ทั้งความคิดสร้างสรรค์ของโลกเวทมนตร์และตัวละครที่สมจริง
นี่คือเรื่องราวที่สร้างความภาคภูมิใจและสร้างความสนใจให้กับผู้อ่านทุกวัย ซีรีย์ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ได้สร้างชื่อเสียงและความมีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรมเด็กและวัยรุ่น และได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลงพิมพ์และภาพยนตร์ที่สร้างความฮิตทั่วโลก นอกจากนี้ มันยังเน้นความเป็นมนุษย์และคุณค่าที่สำคัญเช่น เพื่อนซี้ความสัมพันธ์ และความกล้าหาญในการต่อสู้กับความชั่วร้ายในสถานการณ์ที่ท้าทาย
A Christmas Carol ของ Charles Dickens
ความยาว: โดยประมาณ 104 หน้า
“A Christmas Carol” เป็นนวนิยายแนวคลาสสิกที่เล่าเรื่องราวของคุณชายอิบแซค สครูจ์ที่ได้รับการเยาว์ให้เรียนรู้ถึงค่านิยมและความสำคัญของความกรุณา นักเรียนที่อ่านเรื่องนี้จะได้รับการย้อนกลับในเวลาและได้รับคำสอนเกี่ยวกับความสำคัญของการให้และรับ
“เรื่องราวของคริสต์มาสแครอล” หรือ “A Christmas Carol” เป็นนวนิยายคลาสสิกที่เขียนโดย Charles Dickens ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สร้างความอบอุ่นและความหวังในใจของผู้อ่านตลอดกาล นี่คือเรื่องราวของอิบีนีเซอร์ สกรูจ์ เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่มีนิสัยหยิกและไม่เชื่อในความคุ้มค่าของความเมตตา ทั้งนี้ ในคริสต์มาสคืนหนึ่ง เขาได้รับการเยาวชนจากวิญญาณของคริสต์มาส ที่พาเขาผ่านการเยี่ยมชมตามคำร้องขอของเด็กหนุ่มที่หวังจะมีความสุขในช่วงเทศกาล
นวนิยายนี้นับเป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเล่าเรื่องราวของความรัก ความเอื้อเฟื้อและความสำคัญของความเมตตาที่มีต่อผู้อื่น นอกจากนี้ เรื่องราวยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของอิบีนีเซอร์เอง จากบุคคลที่หยิกหยอก และไม่เคยคิดถึงผู้อื่น กลายเป็นคนที่มีใจเมตตาและร่วมใจกับผู้อื่น น่าสนใจที่นอกจากจะเป็นเรื่องราวของคริสต์มาส แต่ยังเป็นเรื่องสอนใจและสอนคุณค่าในชีวิตอย่างมีนิยมอีกด้วย
The Catcher in the Rye ของ J.D. Salinger
ความยาว: โดยประมาณ 224 หน้า
“The Catcher in the Rye” เป็นเรื่องราวของนักเรียนวัยใสที่มีความสับสนและความไม่สบายในสังคม ซึ่งนำเสนอให้นักเรียนมองเห็นภาพที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการเสี่ยงภัยและความเป็นตัวของตนเองในโลกที่ซับซ้อน
“The Catcher in the Rye” หรือ “เดอะแคทเชอร์อินเดอะไร” เป็นนวนิยายที่เขียนโดยเจ.ดี. แซลลิงเจอร์ (J.D. Salinger) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญในวงการวรรณกรรมโลก นวนิยายนี้เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อ “โฮลเด้น” ที่กำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงและการค้นหาความหมายในชีวิตของตนเอง
“เดอะแคทเชอร์อินเดอะไร” เล่าเรื่องราวของโฮลเด้น คนหนุ่มที่มีอารมณ์แปลกประหลาดและมองโลกในแง่บวกและเป็นลบอย่างเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นหลายคน กับการเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบและความเปลี่ยนแปลงในชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องเผชิญกับการเจ็บปวดและความสูญเสียที่ทำให้เขาต้องพบกับความฝันและความคาดหวังของตนเอง
นวนิยายนี้มอบความคิดถึงให้กับผู้อ่านในด้านของการเจริญอารมณ์ของวัยรุ่นและการต่อสู้กับความไม่แน่นอนในชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีความเป็นเรื่องราวและเข้าใจได้สำหรับผู้อ่านหลากหลายกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่สนใจในความเปลี่ยนแปลงและการเจริญอารมณ์ในชีวิต
Great Expectations ของ Charles Dickens
ความยาว: โดยประมาณ 544 หน้า
“Great Expectations” เป็นนวนิยายที่เล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวอังกฤษที่พยายามทำให้ความฝันของตนเองเป็นจริง ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องราวของความรักและความล้มเหลวในการปฏิบัติตามความหวัง
“Great Expectations” หรือ “ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่” เป็นนวนิยายคลาสสิกที่เขียนโดย Charles Dickens นักเขียนวรรณกรรมชาวอังกฤษชื่อดังในยุคทวีปแวดล้อม นวนิยายนี้เป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องและนับถืออย่างสูงในวงการวรรณกรรมโลก
“ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่” เล่าเรื่องราวของพิปักษ์ชาวเกาะชื่อพิป (Pip) ที่เจอกับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงตลอดจนพบเห็นความคาดหวังและความรักที่มีอยู่ในสังคมและความเป็นมนุษย์ นี่คือเรื่องราวของการเจริญเป็นคนที่ดีของพิป ที่เรียนรู้จากความผิดพลาดและการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขา
นวนิยายนี้เป็นผลงานที่สะท้อนถึงสังคมและความเปลี่ยนแปลงของชัยวัตรและความร่วมมือที่เกิดขึ้นในสังคมของสงครามอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในความสำคัญของนวนิยายชุดนี้ นอกจากนี้ มันยังเป็นเรื่องราวที่สอนให้เข้าใจถึงคุณค่าของความเจริญเป็นคนที่ดีและความรักที่แท้จริงในชีวิต
Pride and Prejudice ของ Jane Austen
ความยาว: โดยประมาณ 432 หน้า
“Pride and Prejudice” เป็นเรื่องราวของความเห็นอกเห็นใจและการต่อสู้กับความคิดเห็นที่ผิดพลาดในสังคม ซึ่งนำเสนอให้นักเรียนมองเห็นความสำคัญของการรับรู้และการเปลี่ยนแปลงในสังคม
“Pride and Prejudice” หรือ “ภูมิใจและลำพัง” เป็นนวนิยายที่เขียนโดยเจน ออสเตน (Jane Austen) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานวรรณกรรมคลาสสิกที่มีชื่อเสียงและมีผลกระทบมากในวงการวรรณกรรมโลก นวนิยายนี้เป็นเรื่องราวของความรักและการค้นหาความสุขในสังคมอังกฤษในยุคที่ปรากฏให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงและความสัมพันธ์ในชนชั้นสูงของสังคม
“ภูมิใจและลำพัง” เล่าเรื่องราวของเอลิซาเบธ เบนเน็ท (Elizabeth Bennet) สาวน้อยที่มีเจตนารมณ์และไม่ประมาทในการพูด และมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆอย่างชาญฉลาด ระหว่างการเสนอแต่งงานและความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเอลิซาเบธกับมิสเตอร์ดาร์ซี (Mr. Darcy) ชายหนุ่มที่มีฐานะสูงและเจ้าพ่อผู้มีความโอ้อวด นี่คือเรื่องราวของการท้าทายความภูมิใจและการต่อสู้กับสติปัญญาในการรักและการเข้าใจความจริงในชีวิต
นวนิยายนี้เป็นผลงานวรรณกรรมที่มีการเสนอความสนใจที่มีค่าและมีเสน่ห์ โดยเน้นไปที่ความสำคัญของความซื่อสัตย์ การค้นหาความรักแท้และความสัมพันธ์ที่แท้จริงในชีวิต
การอ่านเรื่องวรรณกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเสริมความรู้และทักษะทางวิชาการของนักเรียน แต่ยังช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ และการรับรู้เรื่องราวและประสบการณ์ที่หลากหลายในชีวิต
สรุป
บทความนี้ได้นำเสนอรายการของ “10 เรื่องวรรณกรรมน่าอ่านสำหรับนักศึกษาก่อนจบการศึกษา” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีความหลากหลายและมีความสำคัญทางวรรณกรรม รายการนี้มุ่งเน้นให้กับนักศึกษาได้รับประโยชน์จากการอ่านเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่โลกแห่งความจริง โดยรวมแล้ว เรื่องราวทั้ง 10 เรื่องนี้จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และการเข้าใจโลกในมุมมองต่างๆ และเสนอแนวคิดและค่านิยมที่สำคัญในชีวิตและวัยรุ่น การอ่านเรื่องราวเหล่านี้ยังสามารถเสริมพลังให้กับความเข้าใจเกี่ยวกับความมนุษย์และสังคม และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับการเรียนรู้และเจริญอย่างมีประสิทธิภาพในชีวิตที่กำลังจะมาถึงของนักศึกษาทุกคน ดังนั้น การอ่านเรื่องราวเหล่านี้คือการลงมือทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาตัวเองและความรู้ของนักศึกษาในวัยหนุ่มสาวไทย และมีศักยภาพที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสุขและประสบความสำเร็จในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น